ความแตกต่างระหว่าง RPA และ AI ที่มีผลต่อการทำงานในองค์กร
ยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีกำลังเข้ามามีบทบาทกับธุรกิจ ก่อให้เกิดความสับสนระหว่าง RPA (Robotic Process Automation) และ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เกี่ยวกับฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน แม้ว่าทั้ง RPA และ AI จะมีเป้าหมายในการทำงานอัตโนมัติ แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ในบทความนี้ เราจะเจาะลึกถึงความแตกต่างของ RPA และ AI ว่าจะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
การทำงานของ RPA
RPA หรือ Robotic Process Automation คือซอฟต์แวร์ระบบอัตโนมัติที่มุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพงานที่ต้องทำซ้ำๆ ตามคำสั่งซึ่งปกติแล้วมนุษย์ต้องทำ แต่ใช้ซอฟต์แวร์โรบอตเข้ามา เพื่อจำลองการทำงานของมนุษย์กับระบบดิจิทัล เช่น การนำทางผ่านอินเทอร์เฟซ การป้อนข้อมูล และการดำเนินการที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งโรบอตจะจดจำการทำงานและคำสั่งที่กำหนดไว้ล่วงหน้า แล้วปฏิบัติตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ
หนึ่งในคุณสมบัติที่แตกต่างที่สำคัญของ RPA คือความเรียบง่ายและความสะดวกในการใช้งาน แตกต่างจากระบบการทำงานแบบเดิมที่อาจจำเป็นต้องมีการบูรณาการระบบหรือต้องเขียนโค้ด โดยโซลูชัน RPA ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีรูปแบบที่ตายตัว ช่วยให้องค์กรสามารถทำให้กระบวนการที่มีอยู่เป็นอัตโนมัติ โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้ RPA จึงเป็นวิธีการที่รวดเร็วและคุ้มต้นทุนในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดภาระงานที่ต้องทำเองในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
การทำงานของ AI
ตรงกันข้ามกับ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเป็นการรวบรวมเทคโนโลยีที่หลากหลายขึ้นโดยมุ่งเป้าไปที่การทำให้เครื่องจักรมีความฉลาดเหมือนมนุษย์และความสามารถด้านการรับรู้ ระบบ AI ได้รับการออกแบบมาเพื่อจำลองกระบวนการคิดของมนุษย์ ทำให้สามารถทำงานที่ปกติแล้วจำเป็นต้องใช้มนุษย์ทำ เช่น การจดจำรูปแบบ การตัดสินใจ การทำความเข้าใจภาษา และการเรียนรู้จากข้อมูล
AI สามารถพัฒนาอัลกอริธึมที่สามารถดึงรูปแบบและข้อมูลเชิงลึกจากชุดข้อมูลจำนวนมหาศาล ด้วยเทคนิคต่างๆ เช่น การเรียนรู้แบบมีผู้ดูแล การเรียนรู้แบบไม่มีผู้ดูแล ซึ่งระบบ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูล คาดการณ์ และสามารถปรับพฤติกรรมโดยอัตโนมัติ
โดยสรุป แม้ว่า RPA และ AI จะเป็นระบบการทำงานอัตโนมัติที่กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมทั่วโลก แต่ก็เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดแข็งและข้อจำกัดแตกต่างกัน โดย RPA เป็นจะทำงานซ้ำ ๆ เดิม ๆ ตามคำสั่งโดยอัตโนมัติ ง่ายต่อการใช้งาน ช่วยให้งานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและช่วยประหยัดต้นทุน ไม่สามารถเลียนแบบความฉลาดหรือตัดสินใจด้วยตัวเองได้ ในทางกลับกัน AI ช่วยให้เครื่องจักรสามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ เพิ่มขีดความสามารถให้พวกเขารับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนและสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง